>> หนังสือเข็มทิศแนะนำ
พอจบ ม.6 แล้วไปไหน น้องๆ ตอบคำถามนี้ได้หรือยัง หากยัง หรือตอบได้แต่ยังไม่ค่อยชัวร์ พี่ลาเต้ แนะนำให้อ่านหนังสือแนวเข็มทิศนำทางนี้ เพราะหนังสือแนวนี้จะมีบอกว่า เมื่อจบ ม.6 ไปแล้วเราสามารถเดินตามความฝันในเส้นทางไหนได้บ้าง
ที่ผ่านมามีหลายคนที่อยากเป็นสจ๊วต ก็ต่างมุ่งมั่นสอบแอดมิชชั่นให้ติดในคณะธุรกิจการบิน เพื่อที่จะทำความฝันเป็นจริงให้ได้ แต่หากได้มาอ่านหนังสือแนวนี้ ก็จะรู้ว่ามีอีกหลายทางที่เราสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ และที่สำคัญง่ายกว่ากันมากๆ
>> หนังสือประสบการณ์แอดมิชชั่น
ไม่ค่อยมีขายมากนัก แต่ก็พอมีบ้าง เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องจริง จากประสบการณ์จริงในการสอบแอดมิชชั่น เมื่อเราได้อ่านแนวนี้ เราจะจินตนาการภาพออก และจะรู้ว่าต่อไปจะต้องเจออะไร ปัญหาแบบไหน ดังนั้นอ่านไว้ รู้ไว้ จะได้แก้ทัน
ในความคิดของ พี่ลาเต้ เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าในการสอบแอดมิชชั่นนอกจากจะต้องแม่นในเรื่องความรู้ แล้ว ควรจะแม่นในเรื่องประสบการณ์ด้วย เพราะความรู้ทำให้เราเดินไปถึงจุดหมายได้ แต่ประสบการณ์จะช่วยเราแก้ปัญหาระหว่างทาง ซึ่งอะไรสำคัญกว่ากันลองคิดดู ^_^
>> หนังสือแนวข้อสอบเก่า หรือติวรับตรง
ถือเป็นหนังสือที่ช่วยชีวิตเด็กแอดมิชชั่นมาหลายๆ รุ่น ใครที่อ่านไม่ทัน หรือขี้เกียจอ่าน พี่ลาเต้ แนะนำให้ไปซื้อหนังสือแนวข้อสอบเก่ามาทำ แล้วน้องๆ จะไม่เชื่อสายตาว่าในบางครั้งเรากำลังทำข้อสอบของปีนี้อยู่เหรอเนี่ย.. พี่ลาเต้ เคยผ่านอารมณ์นั้นมาแล้ว
หนังสือติวรับตรง ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจทั้งสมาท์วัน , ติวนิติศาสตร์ หรือติว กสพท. ส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับความนิยม หนังสือเหล่านี้จะมีข้อดีตรงที่มีเฉลย ฝึกให้คนอ่านรู้วิธีแก้ วิธีทำ แต่พวกเฉลยบางเล่มก็เฉลยผิด ดังนั้นต้องดูให้ดี
>> หนังสือเกณฑ์คะแนนสูงต่ำ
หนังสือแนวสุดท้ายที่อยากจะนำเสนอคือ หนังสือเกณฑ์คะแนนสูงต่ำของการเลือกคณะเมื่อปีก่อนๆ หนังสือแนวนี้จะบอกให้เราทราบว่า เราควรทำโอเน็ตกี่คะแนน ทำเกรดเฉลียไว้เท่าไหร่ถึงพอจะมีสิทธิ์ในคณะนั้น
เคย มีน้องคนหนึ่งที่รู้จัก เขาซื้อหนังสือแนวนี้มาศึกษา และวางแผนกับตัวเองไว้เลยว่า สอบโอเน็ตต้องได้คะแนนเท่าไรห่ขึ้นไป สอบวิชาเฉพาะต้องห้ามต่ำกว่ากี่คะแนน ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเครื่องย้ำเตือนสติ และความขยันได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น